โดยทั่วไปแล้วอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้งานกลางแจ้ง จะต้องมีความสามารถในการฝุ่นและกันน้ำเป็นอย่างดี เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดจากสภาพอากาศที่แปรปรวน เช่น ฝนตกหรือพายุ ดังนั้น บางอุปกรณ์จึงได้มีการกำหนดตัวเลขที่เรียกว่า “ค่า IP” เพื่อให้ผู้ใช้งานได้ทราบว่าอุปกรณ์เหล่านั้นมีความทนทานต่อสภาพแวดล้อมได้มาก-น้อยแค่ไหน ในบทความนี้เราจะแนะนำให้รู้จักว่าค่า IP คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร และเทคนิคในการอ่านค่า IP ที่ผู้ใช้งานควรทำความเข้าใจ
มาตรฐานค่า IP คืออะไร?
ค่า IP คือ มาตรฐานสากลที่กำหนดโดย IEC หรือ International Electrotechnical Commission เพื่อระบุระดับความสามารถในการป้องกันของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จากสิ่งแปลกปลอม เช่น ฝุ่นละอองและน้ำ โดย IP ย่อมาจากคำว่า Ingress Protection Rating ส่วนใหญ่มักพบในอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับงานไฟฟ้าซึ่งเน้นการใช้งานกลางแจ้งเป็นหลัก เช่น ตู้คอนโทรลระบบไฟฟ้า, โคมไฟภายนอก Outdoor, มอเตอร์ หรือแม้กระทั่งโทรศัพท์มือถือบางรุ่นที่ออกแบบให้สามารถกันน้ำได้ก็จะมีค่า IP ระบุเอาไว้เช่นกัน
มาตรฐาน IP สำคัญอย่างไร ทำไมต้องรู้จักค่า IP?
ตัวเลขมาตรฐานค่า IP คือเป็นตัวบ่งชี้ว่าอุปกรณ์ชนิดนั้นสามารถป้องกันฝุ่นละอองและน้ำได้มาก-น้อยเพียงใด เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกอุปกรณ์ที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม ตัวอย่างเช่น หากต้องการเลือกโคมไฟถนนสำหรับใช้งานกลางแจ้ง ควรเลือกที่มีค่า IP ที่สูง เพื่อป้องกันฝุ่นละอองที่ส่งผลต่อการทำงานของแผงอิเล็กทรอนิกส์และละอองฝนที่อาจทำให้เกิดความเสียหาย เป็นต้น
ตารางการอ่านค่ามาตรฐาน IP
โดยค่ามาตรฐาน IP ที่กำหนดโดย IEC จะระบุเป็นตัวอักษร IP ตามด้วยตัวเลข 2 หลัก เช่น IP54, IP66 โดยตัวเลขแต่ละตัวจะบ่งบอกถึงระดับการป้องกันจากของแข็งและของเหลวตามลำดับ
ค่า IP หลักแรก: บอกระดับการป้องกันของแข็ง
เช่น ฝุ่นละออง หรือวัตถุขนาดเล็กอื่น ๆ ที่อาจเข้าไปภายในอุปกรณ์ โดยมีตัวเลขกำหนดตั้งแต่ 0 ถึง 6 ดังนี้
ระดับ | รายละเอียด |
0 | ไม่มีการป้องกันใดๆ |
1 | ป้องกันของแข็งที่มีขนาดตั้งแต่ 50 mm ขึ้นไป |
2 | ป้องกันของแข็งที่มีขนาดตั้งแต่ 12 mm ขึ้นไป |
3 | ป้องกันของแข็งที่มีขนาดตั้งแต่ 2.5 mm ขึ้นไป |
4 | ป้องกันของแข็งที่มีขนาดตั้งแต่ 1 mm ขึ้นไป |
5 | ป้องกันฝุ่นได้ปานกลาง สามารถมีฝุ่นเล็ดลอดเข้าไปได้เล็กน้อยแต่ต้องไม่มีผลใด ๆ ต่อการทำงานของอุปกรณ์ |
6 | ป้องกันฝุ่นได้สมบูรณ์ 100% โดยทดสอบบนพื้นที่ที่มีการไหลเวียนของอากาศและฝุ่นเป็นเวลา 8 ชั่วโมง |
ค่า IP หลักที่สอง: บอกระดับการป้องกันของเหลว
ได้แก่ น้ำ ละอองฝน ซึ่งสามารถซึมเข้าไปในอุปกรณ์ได้ โดยมีตัวเลขกำหนดตั้งแต่ 0 ถึง 9 ดังนี้
ระดับ | รายละเอียด |
0 | ไม่มีการป้องกันใดๆ |
1 | ป้องกันหยดน้ำที่ตกกระทบในแนวตั้งกับตัวอุปกรณ์เท่านั้น |
2 | ป้องกันหยดน้ำที่ตกกระทบในแนวเฉียงรอบตัวอุปกรณ์ซึ่งทำมุมไม่เกิน 15 องศาจากแนวตั้ง |
3 | ป้องกันหยดน้ำที่ตกกระทบในแนวเฉียงรอบตัวอุปกรณ์ซึ่งทำมุมไม่เกิน 60 องศาจากแนวตั้ง |
4 | ป้องกันหยดน้ำที่ตกกระทบอุปกรณ์ในทุกทิศทาง |
5 | ป้องกันน้ำฉีดเข้าที่ตัวอุปกรณ์ในทุกทิศทาง |
6 | ป้องกันน้ำฉีดแบบรุนแรงเข้าที่ตัวอุปกรณ์ในทุกทิศทาง |
6K | ป้องกันน้ำฉีดแรงดันสูงเข้าที่ตัวอุปกรณ์ในทุกทิศทาง |
7 | ป้องกันน้ำซึมจากการแช่อุปกรณ์ในน้ำที่ความลึกสูงสุด 1 เมตรในระยะเวลาไม่เกิน 30 นาที |
8 | ป้องกันน้ำซึมจากการแช่อุปกรณ์ในน้ำได้แบบถาวร |
9K | ป้องกันน้ำฉีดแรงดันสูงพิเศษเข้าที่ตัวอุปกรณ์ในทุกทิศทางที่อุณหภูมิน้ำสูงสุด 80°C |
โดยทั่วไปแล้วสินค้าสำหรับใช้งานกลางแจ้งจะมีค่ามาตรฐาน IP เริ่มต้นที่ IP44 เป็นอย่างน้อย เพื่อป้องกันฝุ่นและละอองน้ำ ส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างกล้องวงจรปิดหรือโคมไฟถนน ควรเลือกที่มีค่า IP ตั้งแต่ IP66 ขึ้นไป ซึ่งจะช่วยให้ทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่รุนแรง เช่น ฝนตกหนัก และป้องกันไม่ให้น้ำซึมเข้าไปภายในได้อย่างมีประสิทธิภาพ
มาตรฐานค่า IP คือเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ผู้ใช้งานต้องให้ความสำคัญในการเลือกอุปกรณ์ไม่แพ้กับค่าความสว่างของหลอดไฟหรืออัตราการใช้พลังงานไฟฟ้า เพื่อความปลอดภัยสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน ผู้ใช้งานจึงควรเลือกซื้อและติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าจากผู้ให้บริการที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้ได้สินค้าที่ได้มาตรฐานและตอบโจทย์การใช้งานอย่างยาวนาน
Winner Light ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย พร้อมบริการติดตั้งเสาไฟถนน โคมไฟถนน เสาไฟถนนโซลาร์เซลล์ ที่ครองใจลูกค้ามาอย่างยาวนานกว่า 15 ปี ด้วยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ ที่ตอบโจทย์ความต้องการด้านแสงสว่างได้อย่างครอบคลุม
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
เบอร์โทรศัพท์ : 02-415-7576-7, 081-880-6616
Website: www.winnerlight.co.th
Facebook: www.facebook.com/bangbonstation