มาตรฐานค่าแสงสว่าง ที่ถูกต้องตามกฎหมาย

ภาพปกบทความมาตรฐานค่าแสงสว่างที่ถูกต้องตามกฎหมาย

สำหรับพื้นที่สาธารณะและสถานประกอบการต่าง ๆ ความปลอดภัยของผู้ใช้งานถือเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ การออกแบบสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม โดยเฉพาะเรื่องของค่าแสงสว่างที่ช่วยเพิ่มวิสัยทัศน์ในการมองเห็น จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุระหว่างปฏิบัติงาน หรือปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับสายตา เช่น ความเมื่อยล้าของดวงตา หรืออาการปวดตาในระยะยาวได้

ในบทความนี้เราจะพามาทำความรู้จักกับความหมายและความสำคัญของค่าแสงสว่าง ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับความเข้มของแสงสว่าง รวมถึงอุปกรณ์ในการตรวจวัดและค่าความสว่างมาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนดสำหรับสถานประกอบการ

ความเข้มของแสงสว่างคืออะไร?

อ้างอิงจากประกาศกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เรื่อง มาตรฐานความเข้มของแสงสว่าง วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2561 ได้ให้นิยามของ “ความเข้มของแสงสว่าง” เอาไว้ว่า ปริมาณแสงที่ตกกระทบต่อหนึ่งหน่วยตารางเมตร โดยใช้หน่วยความเข้มของแสงสว่างเป็นลักซ์ (lux)

โดยค่าลักซ์จะช่วยในการระบุว่าปริมาณของแสงสว่างในพื้นที่นั้น ๆ มีมากหรือน้อยเพียงใด เพื่อนำไปใช้ในการเลือกหลอดไฟหรือแหล่งกำเนิดแสงที่มีความสว่างเพียงพอต่อการใช้งาน

ความสำคัญของค่าแสงสว่าง

ค่าแสงสว่างนั้นมีความสำคัญต่อชีวิตประจำวันและการใช้งานในหลากหลายพื้นที่ เพราะแสงสว่างที่เหมาะสมจะช่วยให้การทำงานในแง่ต่าง ๆ มีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น

  1. การมองเห็นและความปลอดภัย

ค่าแสงสว่างที่เพียงพอจะช่วยให้เราสามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ ได้ชัดเจน ลดความเมื่อยล้าของดวงตา และป้องกันปัญหาสายตาต่าง ๆ อีกทั้งยังเพิ่มความปลอดภัย ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุหรือการก่ออาชญากรรมในพื้นที่ที่มีความเปลี่ยวและมีแสงน้อย

  1. ประสิทธิภาพในการทำงาน

การทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีแสงสว่างเพียงพอ จะช่วยเพิ่มสมาธิและลดความผิดพลาด ทำให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

  1. การออกแบบและติดตั้งแหล่งกำเนิดแสง

การวัดค่าแสงสว่างมาตรฐาน เป็นขั้นตอนสำคัญในการออกแบบและติดตั้งแหล่งกำเนิดแสง ช่วยให้ได้แสงสว่างที่เหมาะสมกับการใช้งานแต่ละประเภท นอกจากนี้ยังช่วยลดการใช้พลังงาน และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังสามารถคำนวณค่าใช้จ่ายในการติดตั้งและบำรุงรักษาได้อย่างแม่นยำ

ปัจจัยที่มีผลต่อความเข้มของแสงสว่าง

ห้องที่มีแสงจากดวงอาทิตย์และโคมไฟ

ในแต่ละสภาพแวดล้อมจะมีความเข้มของแสงที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่

  1. แหล่งกำเนิดแสง

  • ชนิดของหลอดไฟ

หลอดไฟแต่ละชนิดมีประสิทธิภาพในการให้แสงที่แตกต่างกัน โดยหลอด LED มักให้ค่าแสงสว่างสูงกว่าหลอดไส้หรือหลอดฟลูออเรสเซนต์ในกำลังไฟฟ้าที่เท่ากัน ทำให้ได้แสงสว่างที่ส่องสว่างกว่าและชัดเจนกว่า

  • กำลังไฟฟ้า

โดยทั่วไปแล้ว กำลังไฟฟ้าของหลอดไฟจะสัมพันธ์กับความเข้มของแสงสว่างที่ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่ากำลังไฟฟ้าสูง ความเข้มแสงจะสูงขึ้นเสมอไป ตัวอย่างเช่น หลอด LED กำลังไฟฟ้า 10 วัตต์ อาจให้ความเข้มแสง เทียบเท่ากับหลอดไส้กำลังไฟฟ้า 60 วัตต์ได้

  • อายุการใช้งาน

หลอดไส้และหลอดฟลูออเรสเซนต์ เมื่อใช้งานไปนาน ๆ จะมีความเข้มแสงลดลง ในขณะที่หลอด LED จะมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่ามาก และความเข้มแสงจะลดลงน้อยกว่าเมื่อเทียบกับหลอดไฟชนิดอื่น

  1. ระยะห่างจากแหล่งกำเนิดแสงและมุมกระจายแสง

ตามกฎกำลังสองผกผัน ยิ่งเราอยู่ห่างจากแหล่งกำเนิดแสงมากขึ้นเท่าไร ความเข้มแสงก็จะลดลงมากขึ้นเท่านั้น นอกจากนี้ หากแหล่งกำเนิดแสงมีมุมกระจายแสงแคบ แสงจะกระจุกตัวอยู่ในบริเวณที่แคบ ทำให้จุดศูนย์กลางมีความเข้มแสงสูง แต่บริเวณรอบข้างจะค่อย ๆ มืดลง

  1. สภาพแวดล้อม

  • สภาพแวดล้อมภายในห้อง

การทาสีผนังห้องด้วยสีโทนสว่างอย่างสีขาวหรือสีโทนอ่อน จะช่วยในการสะท้อนแสงและช่วยให้ห้องสว่างขึ้น ตรงกันข้าม หากเลือกใช้สีโทนเข้มสำหรับผนังหรือเพดาน จะดูดซับแสงและทำให้ห้องดูมืดลง ซึ่งรวมถึงสีของเฟอร์นิเจอร์ที่ส่งผลต่อการสะท้อนแสงด้วยเช่นกัน

  • สภาพแวดล้อมภายนอก

แสงธรรมชาติจากดวงอาทิตย์ในเวลากลางวันมีส่วนสำคัญในการเพิ่มความสว่างภายในห้อง ดังนั้น การวัดค่าความสว่างเพื่อเลือกหลอดไฟที่เหมาะสม จึงควรทำ ในช่วงเวลาที่แสงธรรมชาติคงที่ เช่น ตอนเช้าตรู่หรือช่วงเย็นที่แสงแดดอ่อนลง เพื่อให้ได้ค่าความสว่างที่แม่นยำและสามารถนำไปเปรียบเทียบกับค่าความสว่างที่ต้องการได้

เครื่องมือวัดความเข้มของแสงสว่าง

เครื่องมือวัดค่าแสงสว่างหรือลักซ์มิเตอร์

การวัดความเข้มของแสงสว่างในแต่ละพื้นที่จะใช้อุปกรณ์ที่เรียกว่า “ลักซ์มิเตอร์” (Lux Meter) โดยหลักการทำงานของลักซ์มิเตอร์จะทำการวัดปริมาณแสงที่ตกกระทบยังเซนเซอร์ที่อยู่ในพลาสติกสีขาว และแปลงสัญญาณแสงให้เป็นสัญญาณไฟฟ้า จากนั้นจึงนำสัญญาณไฟฟ้านี้ไปประมวลผลและแสดงผลเป็นค่าความสว่างในหน่วยลักซ์ (lux) บนหน้าจอแสดงผล วิธีการใช้งานคือการหันเซนเซอร์ไปยังจุดที่ต้องการวัดแสง โดยให้เซนเซอร์ตั้งฉากกับทิศทางของแสงที่ตกกระทบ

การใช้ลักซ์มิเตอร์จำเป็นต้องมีการนำเครื่องไปสอบเทียบเป็นประจำ เพื่อให้มั่นใจว่าค่าที่อ่านได้มีความแม่นยำและเชื่อถือได้ การสอบเทียบจะช่วยป้องกันข้อผิดพลาดในการวัด ซึ่งอาจส่งผลต่อการประเมินสภาพแสงสว่างที่ถูกต้องและอาจนำไปสู่ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยและสุขภาพได้

ตารางค่าความสว่าง Lux ที่เหมาะสมในแต่ละพื้นที่

ตามประกาศกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เรื่อง “มาตรฐานความเข้มของแสงสว่าง” ระบุให้สถานประกอบกิจการ มีความเข้มของแสงสว่างไม่ต่ำกว่ามาตรฐานตามตาราง ดังต่อไปนี้

  • ค่ามาตรฐานแสงสว่างบริเวณพื้นที่ทั่วไปและบริเวณการผลิตภายในสถานประกอบกิจการ

บริเวณพื้นที่และ/หรือลักษณะงาน
ลักษณะพื้นที่เฉพาะ
ตัวอย่างบริเวณพื้นที่ และ/หรือลักษณะงาน
ค่าเฉลี่ยความเข้มของแสงสว่าง
(ลักซ์)
จุดที่ความเข้มของแสงสว่างต่ำสุด
(ลักซ์)
บริเวณพื้นที่ทั่วไปที่มีการสัญจรของบุคคล หรือ ยานพาหนะในภาวะปกติ และบริเวณที่มีการสัญจรใน ภาวะฉุกเฉินทางสัญจรในภาวะ ฉุกเฉินทางออกฉุกเฉิน เส้นทางหนีไฟ บันไดทางฉุกเฉิน (กรณีเกิดเหตุฉุกเฉินไฟดับ โดยวัดตามเส้นทางของ ทางออกที่ระดับพื้น)10
ภายนอกอาคารลานจอดรถ ทางเดิน บันได5025
ประตูทางเข้าใหญ่ของสถานประกอบกิจการ50
ภายในอาคารทางเดิน บันได ทางเข้าห้องโถง10050
ลิฟต์100
บริเวณพื้นที่ใช้ประโยชน์ทั่วไปห้องพักฟื้นสำหรับการปฐมพยาบาล ห้องพักผ่อน5025
ป้อมยาม100
– ห้องสุขา ห้องอาบน้ำ ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า
– ห้องล็อบบี้หรือบริเวณต้อนรับ
– ห้องเก็บของ
10050
โรงอาหาร ห้องปรุงอาหาร ห้องตรวจรักษา300150
บริเวณพื้นที่ใช้ประโยชน์ในสำนักงาน– ห้องสำนักงาน ห้องฝึกอบรม บรรยาย ห้องสมุด
– ถ่ายเอกสาร
– ห้องคอมพิวเตอร์ ประชุม
– บริเวณประชาสัมพันธ์ หรือติดต่อลูกค้า
– พื้นที่ออกแบบ เขียนแบบ
300150
บริเวณพื้นที่ใช้ประโยชน์ในกระบวนการผลิตหรือการปฏิบัติงานห้องเก็บวัตถุดิบ บริเวณห้องอบหรือห้องทำให้แห้งของโรงซักรีด10050
– จุด/ลานขนถ่ายสินค้า
– คลังสินค้า
– โกดังเก็บของไว้เพื่อการเคลื่อนย้าย
– อาคารหม้อน้ำ
– ห้องควบคุม
– ห้องสวิตช์
200100
– บริเวณเตรียมการผลิต การเตรียมวัตถุดิบ
– บริเวณพื้นที่บรรจุภัณฑ์
– บริเวณกระบวนการผลิต/บริเวณที่ทำงานกับเครื่องจักร
– บริเวณการก่อสร้าง การขุดเจาะ การขุดดิน
– งานทาสี
300150
  • ค่ามาตรฐานแสงสว่างบริเวณที่ลูกจ้างต้อง โดยใช้สายตามองเฉพาะจุด หรือต้องใช้สายตาอยู่กับที่ในการทำงาน

การใช้สายตา
ลักษณะงาน
ตัวอย่างลักษณะงาน
ค่าความเข้มของแสงสว่าง (ลักซ์)
งานหยาบงานที่ชิ้นงานมีขนาดใหญ่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน มีความแตกต่างของสีชัดเจนมาก– งานหยาบที่ทำที่โต๊ะหรือเครื่องจักร ชิ้นงานที่มีขนาดใหญ่กว่า 750 ไมโครเมตร (0.75 มิลลิเมตร)200 – 300
– การตรวจงานหยาบด้วยสายตา การประกอบ การนับ การตรวจเช็กสิ่งของที่มีขนาดใหญ่
– การรีดเส้นด้าย
– การอัดเบล การผสมเส้นใย หรือการสางเส้นใย
– การซักรีด ซักแห้ง การอบ
– การปั๊มขึ้นรูปแก้ว เป่าแก้ว และขัดเงาแก้ว
– งานตี และเชื่อมเหล็ก
งานละเอียดเล็กน้อยงานที่ชิ้นงานมีขนาดปานกลาง สามารถมองเห็นได้และมีความแตกต่างของสีชัดเจน– งานรับจ่ายเสื้อผ้า300 – 400
– การทำงานไม้ที่ชิ้นงานมีขนาดปานกลาง
– งานบรรจุน้ำลงขวดหรือกระป๋อง
– งานเจาะรู ทากาว หรือเย็บเล่มหนังสือ งานบันทึกและคัดลอกข้อมูล
– งานเตรียมอาหาร ปรุงอาหาร และล้างจาน
– งานผสมและตกแต่งขนมปัง
– การทอผ้าดิบ
งานที่ชิ้นงานมีขนาดปานกลางหรือเล็ก สามารถมองเห็นได้แต่ไม่ชัดเจน และมีความแตกต่างของสี ปานกลาง– งานประจำในสำนักงาน เช่น งานเขียน งานพิมพ์ งานบันทึกข้อมูล การอ่านและประมวลผลข้อมูล การจัดเก็บแฟ้ม400 – 500
– การปฏิบัติงานที่ชิ้นงานมีขนาดตั้งแต่ 125 ไมโครเมตร (0.125 มิลลิเมตร)
– งานออกแบบและเขียนแบบ โดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์
– งานประกอบรถยนต์และตัวถัง
– งานตรวจสอบแผ่นเหล็ก
– การทำงานไม้อย่างละเอียดบนโต๊ะหรือที่เครื่องจักร
– การทอผ้าสีอ่อน ทอละเอียด
– การคัดเกรดแป้ง
– การเตรียมอาหาร เช่น การทำความสะอาด การต้มฯ
– การสืบด้าย การแต่ง การบรรจุในงานทอผ้า
งานละเอียดปานกลางงานที่ชิ้นงานมีขนาดปานกลางหรือเล็ก สามารถมองเห็นได้แต่ไม่ชัดเจน และมีความแตกต่างของสีบ้าง และต้องใช้สายตาในการทำงานค่อนข้างมาก– งานระบายสี พ่นสี ตกแต่งสี หรือขัดตกแต่งละเอียด500 – 600
– งานพิสูจน์อักษร
– งานตรวจสอบขั้นสุดท้ายในโรงผลิตรถยนต์
– งานออกแบบและเขียนแบบ โดยไม่ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์
– งานตรวจสอบอาหาร เช่น การตรวจอาหารกระป๋อง
– การคัดเกรดน้ำตาล
600 – 700
งานละเอียดสูงงานที่ชิ้นงานมีขนาดเล็ก สามารถมองเห็นได้แต่ไม่ชัดเจน และมีความแตกต่างของสีน้อย ต้องใช้สายตาในการทำงานมาก– การปฏิบัติงานที่ชิ้นงานมีขนาดตั้งแต่ 25ไมโครเมตร (0.025 มิลลิเมตร)
– งานปรับเทียบมาตรฐานความถูกต้องและความแม่นยำของอุปกรณ์
– การระบายสี พ่นสี และตกแต่งชิ้นงานที่ต้องการความละเอียดมากหรือต้องการความแม่นยำสูง
– งานย้อมสี
700 – 800
งานที่ชิ้นงานมีขนาดเล็ก สามารถมองเห็นได้แต่ไม่ชัดเจน และมีความแตกต่างของสีน้อย ต้องใช้สายตาในการทำงานมากและใช้เวลาในการทำงาน– การตรวจสอบ การตัดเย็บเสื้อผ้าด้วยมือ
– การตรวจสอบและตกแต่งสิ่งทอ สิ่งถัก หรือเสื้อผ้าที่มีสีอ่อนขั้นสุดท้ายด้วยมือ
– การคัดแยกและเทียบสีหนังที่มีสีเข้ม
– การเทียบสีในงานย้อมผ้า
– การทอผ้าสีเข้ม ทอละเอียด
– การร้อยตะกร้อ
800 – 1,200
งานละเอียดสูงมากงานที่ชิ้นงานมีขนาดเล็กมาก ไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน และมีความแตกต่างของสีน้อยมาก หรือมีสีไม่แตกต่างกัน ต้องใช้สายตาเพ่งในการทำงานมาก และใช้เวลาในการทำงานระยะเวลานาน– งานละเอียดที่ทำที่โต๊ะหรือเครื่องจักร ชิ้นงานที่มีขนาดเล็กกว่า 25 ไมโครเมตร (0.025 มิลลิเมตร)
– งานตรวจสอบชิ้นส่วนที่มีขนาดเล็ก
– งานซ่อมแซม สิ่งทอ สิ่งถักที่มีสีอ่อน
– งานตรวจสอบและตกแต่งชิ้นส่วนของสิ่งทอ สิ่งถักที่มีสีเข้มด้วยมือ
– การตรวจสอบและตกแต่งผลิตภัณฑ์สีเข้มและสีอ่อนด้วยมือ
1,200 – 1,600
งานละเอียดสูงมากเป็นพิเศษงานที่ชิ้นงานมีขนาดเล็กมากเป็นพิเศษ ไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนและมีความแตกต่างของสีน้อยมาก หรือมีสีไม่แตกต่างกัน ต้องใช้สายตาเพ่งในการทำงานมาก หรือใช้ทักษะและความชำนาญสูง และใช้เวลาในการทำงานระยะเวลานาน– การปฏิบัติงานตรวจสอบชิ้นงานที่มีขนาดเล็กมากเป็นพิเศษ
– การเจียระไนเพชร พลอย การทำนาฬิกาข้อมือสำหรับกระบวนการผลิตที่มีขนาดเล็กมากเป็นพิเศษ
– งานทางการแพทย์ เช่น งานทันตกรรม ห้องผ่าตัด
2,400 หรือมากกว่า
  • ค่ามาตรฐานแสงสว่างบริเวณที่ให้ลูกจ้างคนใดคนหนึ่งทำงาน โดยสายตามองเฉพาะจุดในการปฏิบัติงาน

พื้นที่ 1พื้นที่ 2พื้นที่ 3
1,000 – 2,000300200
มากกว่า 2,000 – 5,000600300
มากกว่า 5,000 – 10,0001,000400
มากกว่า 10,0002,000600

หมายเหตุ:
พื้นที่ 1 หมายถึง จุดที่ให้ลูกจ้างทำงานโดยใช้สายตามองเฉพาะจุดในการปฏิบัติงาน
พื้นที่ 2 หมายถึง บริเวณถัดจากที่ที่ให้ลูกจ้างคนใดคนหนึ่งทำงานในรัศมีที่ลูกจ้างเอื้อมมือถึง
พื้นที่ 3 หมายถึง บริเวณโดยรอบที่ติดพื้นที่ 2 ที่มีการปฏิบัติงานของลูกจ้างคนใดคนหนึ่ง

การออกแบบสภาพแวดล้อมสำหรับสถานประกอบการให้มีความเหมาะสม จึงเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการและธุรกิจไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะมาตรฐานความเข้มของแสงสว่างตามกฎหมายที่จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการปฏิบัติงานและลดผลกระทบต่อผู้ปฏิบัติงานในระยะยาว

และสำหรับในพื้นที่สาธารณะอย่างลานจอดรถ หรือบริเวณประตูทางเข้า-ออก ที่ต้องมีการสัญจรไป-มาอยู่ตลอดเวลา การเลือกโคมไฟถนนที่มีคุณภาพสูง ทนทาน ประหยัดพลังงาน จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการให้แสงสว่าง ลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงและต้นทุนค่าไฟฟ้า และเพิ่มความปลอดภัยสำหรับผู้ที่สัญจรในพื้นที่นั้น ๆ ได้อีกด้วย

Winner Light ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย พร้อมบริการติดตั้งเสาไฟถนน โคมไฟถนน เสาไฟถนนโซลาร์เซลล์ ที่ครองใจลูกค้ามาอย่างยาวนานกว่า 15 ปี ด้วยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ ที่ตอบโจทย์ความต้องการด้านแสงสว่างได้อย่างครอบคลุม

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

เบอร์โทรศัพท์ : 02-415-7576-7, 081-880-6616

Website: www.winnerlight.co.th

Facebook: www.facebook.com/bangbonstation